วันพฤหัสบดีที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2556

คิด... เลือกคู่ดูให้เข้ม


คิด... เลือกคู่ดูให้เข้ม

เขียนโดย อ.วิทยา วุฒิไกรเกรียง  

     ตอนที่ผมยังเป็นเด็กอยู่นั้น เช้าวันอาทิตย์จะเป็นวันที่ผมตื่นเช้าเป็นพิเศษ ไม่ใช่เพราะอยากดูการ์ตูนเท่านั้น แต่เพราะต้องรีบตื่นมาดักเอาหนังสือพิมพ์อ่านเป็นคนแรก คอลัมน์ที่ผมชอบอ่านมากก็คือ “ลุงหนวดหาคู่” กับ “มาลัยเสี่ยงรัก” ผมอ่านไปยิ้มไป ทั้งๆ ที่ยังไม่รู้เดียงสากับเรื่องรักๆ ใคร่ๆ สักนิด คงเข้าใจแล้วใช่ไหมครับ ว่าทำไมผมต้องรีบลงมาอ่านเป็นคนแรก เพราะขืนใครรู้เข้า ผมต้องโดนล้อแน่ๆ

     กว่าจะรู้เดียงสาเรื่องความรัก ผมก็อายุย่าง 18 ปีแล้ว ตอนนั้นผมเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 5 หากใครไม่มีแฟน/คนที่เป็นข่าวด้วย/กิ๊ก จะเป็นเรื่องที่เสียฟอร์มเอามากๆ ผู้ชายทุกคนจึงต้องทำให้ตัวเองดูน่าสนใจ เผื่อว่าจะมีสาวๆ มาหลงชอบบ้างสักคน

     วิธีการของผมคือ สมัครเป็นตัวแทนแข่งขันทุกประเภท ในนามของโรงเรียน แม้กระทั่งสมัครเป็นคนเชิญธงชาติทุกเช้า แย่หน่อยตรงที่วันหนึ่ง ผมหัวแตก แต่ยังต้องออกไปเชิญธงชาติ เลยกลายเป็นที่มาของฉายาว่า “รุ่นพี่หัวปะ” ถึงจะน่าอาย แต่อย่างน้อยการเป็นจุดสนใจก็ทำให้ผมเชื่อเอาเองว่า จะมีคนมาแอบปลื้มแอบชอบและทำให้ผมไม่ต้องเสียฟอร์มว่าเป็นคนไม่มีแฟน??

     หลายปีผ่านไป การสร้างความสัมพันธ์กับเพื่อนต่างเพศ โดยการเข้าไปทำความรู้จัก แนะนำตัวเอง/การใช้ความสัมพันธ์แบบรุ่นพี่กับรุ่นน้อง อย่างที่ผมคุ้นเคยเริ่มกลายเป็นเรื่องล้าสมัยเสียแล้ว

     ทุกวันนี้ เราคงเคยได้ยินว่า มีคู่แต่งงานหลายคู่ ที่รู้จักกันผ่านอินเทอร์เน็ต ยิ่งเดี๋ยวนี้มี Facebook ด้วยแล้ว ก็ยิ่งกลายเป็นเรื่องง่าย หนุ่มสาวสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลและรูปถ่ายได้ในเวลาอันรวดเร็ว ดูๆ ไปก็สะดวกและเหมาะสำหรับโลกในยุคปัจจุบันดี จะติดก็ตรงที่เราไม่แน่ใจว่า ข้อมูลที่เราได้มานั้น มันจะเป็น Facebook/Fakebook กันแน่ดังนั้น ข่าวอาชญากรทางอินเตอร์เน็ต ที่เหยื่อถูกหลอกไปทำอนาจาร จึงมีให้เราเห็นมากไม่แพ้กัน ส่วนใหญ่ก็เพราะหลงในรูปหล่อๆ สวยๆ และเชื่อในข้อมูลที่แปะไว้ใน Social network นั่นเอง??

     ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ที่เราชอบมองคนที่หน้าตาดี แต่ถ้าเราไม่ระมัดระวัง รูปร่างภายนอกก็อาจจะหลอกลวงเราได้ แม้เราจะชอบพูดกันเสียงดังว่า เรารักคนที่นิสัย แต่พอเอาเข้าจริง หลายคนก็แพ้ให้กับเสน่ห์ภายนอก ไม่ว่าจะเป็นแววตาชวนฝัน/อาจเป็นริมฝีปากที่หยาดเยิ้ม

     ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ธุรกิจศัลยกรรมรูปร่างและใบหน้า มีลูกค้าแห่มาใช้บริการไม่ขาดสาย และถ้าไม่ใช่ว่าผมเป็นคริสเตียนและกลัวมีดหมอเอามากๆ ผมอาจกลายเป็นโดม/ณเดชไปแล้วก็ได้นะครับ (แต่ความสูงนี่คงเพิ่มกันลำบาก)??
 
     ในความคิดเห็นส่วนตัวแล้ว ผมไม่ได้รู้สึกต่อต้านการดูแลความสวยงามให้กับตัวเอง เพราะผมยังชอบพาแฟนไปร้านทำผม/ชอบให้เธอแต่งหน้าเวลาออกงานด้วยกัน แต่สิ่งที่ผมเป็นห่วงก็คือ การให้คุณค่าและความสำคัญกับเรื่องความสวยงามมาก จนลืมสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า

1ซมอ. บทที่ 16

     1ซมอ.16:1 พระเจ้าตรัสกับซามูเอลว่า "เจ้าจะเป็นทุกข์เรื่องซาอูลนานเท่าใดเล่า เมื่อเราถอดเขาจากเป็นกษัตริย์เหนืออิสราเอลแล้ว จงเติมน้ำมันให้เต็มเขาสัตว์ของเจ้า แล้วก็ไปเถอะ เราจะใช้เจ้าไปหาเจสซีชาวเบธเลเฮม เพราะว่าในหมู่พวกบุตรของ เขาเราจัดเตรียมกษัตริย์องค์หนึ่งไว้แล้วสำหรับเรา"

     1ซมอ.16:2 ซามูเอลก็กราบทูลว่า "ข้าพระองค์จะไปอย่างไรได้ ถ้าซาอูลได้ยินเขาคงฆ่าข้าพระองค์เสีย" และพระเจ้าตรัสว่า "จง นำโคตัวเมียไปกับเจ้าตัวหนึ่งและกล่าวว่า "ข้าพเจ้ามาถวายสัตวบูชาแด่พระเจ้า"

     1ซมอ.16:3 จงเชิญเจสซีมาที่การถวายสัตวบูชานั้น แล้วเราจะสำแดงให้เจ้ารู้ว่าเจ้าควรจะกระทำประการใด เจ้าจงเจิมให้เราผู้ซึ่งเรา จะบอกชื่อแก่เจ้า"

     1ซมอ.16:4 ซามูเอลก็กระทำตามที่พระเจ้าทรงบัญชา และมาที่เบธเลเฮมพวกผู้ใหญ่ของเมืองนั้นก็ตัวสั่นออกมาหาท่านกล่าวว่า "ท่านมาอย่างสันติหรือ"
     1ซมอ.16:5 และซามูเอลตอบว่า "มาอย่างสันติ เรามาถวายสัตวบูชาแด่พระเจ้า จงชำระตัวของท่านให้บริสุทธิ์และขอเชิญมาที่ การถวายสัตวบูชากับเรา" และซามูเอลก็ชำระตัวเจสซีและบุตรทั้งหลายของท่านให้บริสุทธิ์ และเชิญเขาเหล่านั้นให้ไป ยังการถวายสัตวบูชา

     1ซมอ.16:6 อยู่มาเมื่อเขาทั้งหลายมาแล้ว ท่านก็มองเห็นเอลีอับจึงคิดว่า "ผู้ที่พระองค์ทรงให้เจิมไว้ก็อยู่ต่อพระพักตร์พระเจ้าแน่ แล้ว"

     1ซมอ.16:7 แต่พระเจ้าตรัสกับซามูเอลว่า "อย่ามองดูที่รูปร่างภายนอกหรือที่ความสูงแห่งร่างกายของเขา ด้วยเราไม่ยอมรับเขา เพราะพระเจ้าทอดพระเนตรไม่เหมือนกับที่มนุษย์ดู มนุษย์ดูที่รูปร่างภายนอกแต่พระเจ้าทอดพระเนตรจิตใจ"

     1ซมอ.16:8 แล้วเจสซีก็เรียกอาบีนาดับให้เดินผ่านหน้าซามูเอล ท่านกล่าวว่า "พระเจ้ามิได้ทรงเลือกผู้นี้"

     1ซมอ.16:9 แล้วเจสซีให้ชัมมาห์เดินผ่านไป และท่านก็กล่าวว่า "พระเจ้ามิได้ทรงเลือกผู้นี้"
     1ซมอ.16:10 แล้วเจสซีให้บุตรทั้งเจ็ดคนเดินผ่านหน้าซามูเอล และซามูเอลบอกกับเจสซีว่า "พระเจ้ามิได้ทรงเลือกคนเหล่านี้"

     1ซมอ.16:11 แล้วซามูเอลกล่าวแก่เจสซีว่า "บุตรชายของท่านอยู่ที่นี่หมดแล้วหรือ" เจสซีตอบว่า "ยังมีคนสุดท้องอีกคนหนึ่ง ดู เถิด เขากำลังเลี้ยงแกะอยู่" และซามูเอลกล่าวแก่เจสซีว่า "จงใช้คนไปตามเขามา เพราะเราจะไม่ยอมนั่งจนกว่าเขาจะ มาที่นี่"

     1ซมอ.16:12 เจสซีก็ใช้คนไปนำเขามา ฝ่ายเขาเป็นคนผิวแดงๆ มีหน้าตาสวยและรูปร่างงามน่าดู และพระเจ้าตรัสว่า "จงลุกขึ้น เจิมตั้งเขาไว้ เพราะเป็นคนนี้แหละ"

     1ซมอ.16:13 ซามูเอลจึงนำขวดเขาน้ำมันและเจิมตั้งเขาไว้ท่ามกลางพี่ชายของเขา และพระวิญญาณของพระเจ้าก็สวมทับดาวิด อย่างมากตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นไป และซามูเอลก็ลุกขึ้นกลับไปยังรามาห์

      1ซมอ.16:14 ฝ่ายพระวิญญาณของพระเจ้าก็พรากจากซาอูล และวิญญาณชั่วจากพระเจ้าก็ทรมานซาอูล
     1ซมอ.16:15 และพวกมหาดเล็กของซาอูลก็กราบทูลว่า "ดูเถิด วิญญาณชั่วจากพระเจ้ากำลังทรมานพระองค์อยู่
     1ซมอ.16:16 ขอเจ้านายของข้าพระบาททั้งหลาย จงบัญชาผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทผู้ที่อยู่ต่อพักตร์ฝ่าพระบาท ให้หาคนที่มีฝีมือใน การดีดพิณ และเมื่อวิญญาณชั่วจากพระเจ้าสิงฝ่าพระบาท ก็ให้เขาดีดพิณแล้วฝ่าพระบาทจะหายดี"

     1ซมอ.16:17 ซาอูลก็รับสั่งผู้รับใช้ของพระองค์ว่า "จงไปหาชายคนหนึ่งที่ดีดพิณได้ดีมาให้เรานำเขามาหาเรา"

     1ซมอ.16:18 คนหนึ่งในพวกชายหนุ่มทูลว่า "ดูเถิด ข้าพระบาทเห็นบุตรคนหนึ่งของเจสซีชาวเบธเลเฮม เป็นผู้มีฝีมือในการดีด พิณเป็นคนกล้าหาญ เป็นนักรบ พูดเก่ง และเป็นคนมีหน้าตาดีและพระเจ้าทรงสถิตกับเขา"

     1ซมอ.16:19 เพราะฉะนั้นซาอูลจึงส่งผู้สื่อสารไปยังเจสซีกล่าวว่า "จงให้ดาวิดบุตรของท่านผู้อยู่กับแกะนั้นมาหาเรา"
     1ซมอ.16:20 และเจสซีก็จัดลาตัวหนึ่งบรรทุกขนมปัง และถุงหนังใส่เหล้าองุ่นถุงหนึ่ง กับลูกแพะตัวหนึ่ง ฝากไปกับดาวิดบุตร ของท่านให้ถวายซาอูล
     1ซมอ.16:21 ดาวิดก็มาเฝ้าซาอูลและเข้ารับราชการ ซาอูลก็ทรงรักดาวิดมาก ดาวิดก็ได้เป็นคนถือเครื่องอาวุธของซาอูล
     1ซมอ.16:22 และซาอูลทรงส่งข่าวไปยังเจสซีว่า "จงอนุญาตให้ดาวิดอยู่รับราชการกับเรา เพราะเขาเป็นที่พอตาพอใจของเรา"
     1ซมอ.16:23 อยู่มาเมื่อวิญญาณชั่วจากพระเจ้ามาสิงซาอูลเมื่อไร ดาวิดก็หยิบพิณใช้มือดีดถวายซาอูลก็ทรงชุ่มชื่นขึ้นและหายดี และวิญญาณชั่วก็พรากจากพระองค์ไป

     ในพระธรรม 1 ซามูเอล บทที่ 16 ได้สะท้อนให้เราเห็นว่า แม้แต่ผู้เผยพระวจนะอย่างซามูเอลก็ยังเผลอใช้คุณลักษณะภายนอกในการตัดสินคนที่จะมาเป็นกษัตริย์ของชนชาติอิสราเอล จนพระเจ้าได้ตรัสกับท่านว่า
     1ซมอ.16:7 แต่พระเจ้าตรัสกับซามูเอลว่า "อย่ามองดูที่รูปร่างภายนอกหรือที่ความสูงแห่งร่างกายของเขา ด้วยเราไม่ยอมรับเขา เพราะพระเจ้าทอดพระเนตรไม่เหมือนกับที่มนุษย์ดู มนุษย์ดูที่รูปร่างภายนอกแต่พระเจ้าทอดพระเนตรจิตใจ"
     พระเจ้าทรงสอนให้เรามองคนๆ หนึ่งให้ลึกลงไปกว่าสิ่งที่เราเห็นจากภายนอก และเพื่อให้มันเกิดขึ้นจริงในชีวิตของตัวเอง ผมจึงมักท่องพระคัมภีร์ข้อหนึ่งให้ขึ้นใจอยู่เสมอว่า

      สภษ.31:30 เสน่ห์เป็นของหลอกลวง และความงามก็เปล่าประโยชน์แต่สตรียำเกรงพระเจ้า สมควรได้รับคำสรรเสริญ

     ซึ่งผมอยากแบ่งปันสิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากพระคัมภีร์ตอนนี้ว่า เราจะสามารถให้ความสำคัญกับภายในมากกว่ารูปกายภายนอกได้อย่างไร??

     ประการแรก “เสน่ห์หลอกเราได้” 

     ถ้ามีใครเคยใช้สุ่มจับปลาจะรู้ว่า การหักเหของแสงจะทำให้เรามองเห็นปลาจากผิวน้ำอยู่ใกล้กว่าความเป็นจริง และทำให้เราจับปลาไม่ได้ ถ้าไม่รู้ความจริงข้อนี้ เสน่ห์ก็เหมือนกับผิวน้ำที่หักเหแสง จนทำให้เราไม่สามารถมองเห็นปลาอย่างที่มันเป็นจริงๆ ได้

     การรักษาระยะห่างที่เหมาะสม จะทำให้เราสามารถชื่นชมเสน่ห์ แต่ไม่หลงเสน่ห์จนถูกหลอกได้ ดังนั้น ถ้าเราต้องการรู้จักใครสักคนหนึ่ง เราจำเป็นต้องเข้าใกล้เขาให้มากพอที่จะรู้จักกัน อาจจะเรียกว่ากระชับวงล้อมก็คงพอได้กระมัง แต่ก็ต้องรักษาระยะห่าง จนไม่กลายเป็นคนตาบอด เพราะความรัก ความหลง 

     ถ้ามีชายหนุ่ม/หญิงสาวที่มีรูปร่างหน้าตาถูกใจเรา มานั่งติดกับเราสัก 5 นาที (สมมติว่าคุณแอบชอบอยู่) รับรองได้เลยว่า เราแทบนั่งไม่ติดเลยล่ะ แต่ถ้าเราถอยห่างออกมาอีกสักนิดให้พอเหมาะ นอกจากเราจะได้ปลื้มกับใบหน้าหล่อๆ สวยๆ แล้ว เราจะได้เห็นด้วยว่าหัวใจของเธอ/เขามันสวยหล่อเหมือนที่ปรากฏภายนอกหรือไม่??

     ประการต่อมา “ความงามมีวันหมดอายุ” 

     ตอนที่ผมอายุ 18 ปี ผมมักใช้เวลาเป็นชั่วโมงในแต่ละวันกับการยืนมองตัวเองหน้ากระจก เพราะตอนนั้นผมเริ่มเล่นเพาะกาย อะไรๆ มันก็ดูหล่อ ดูดีและดูตึงไปหมดแต่มาตอนนี้กล้ามท้อง 6 ลูกมันเริ่มจะมารวมกันเป็นลูกเดียวแล้ว และแผงกล้ามอกที่เคยตึงมันก็ชักจะหย่อนคล้อยลงไปบ้างแล้ว เหลือก็แต่หูนี่ล่ะครับ ที่นับวันจะตึงมากขึ้นเรื่อยๆ

     ดังนั้น ถ้าเรารักชอบใครสักคน เพราะความงามภายนอกของเขาเพียงอย่างเดียว ผมบอกได้เลยว่า ความรักที่คุณมีให้เขามันจะลดน้อยลงเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงวันหมดอายุในที่สุด และนี่เป็นเหตุผลสำคัญที่เราควรใช้เวลาศึกษาความงามภายในให้มากขึ้นเพราะสิ่งเหล่านั้นไม่มีวันที่จะหมดอายุ??

     ประการสุดท้ายสำคัญที่สุดก็คือ “เลือกคนที่รักพระเจ้า” 

     ในทางจิตวิทยานั้น อธิบายว่ามนุษย์ทุกคน จะได้รับอิทธิพลจากสิ่งที่เขาอยู่ใกล้และใช้เวลาด้วย ดังนั้นเราจึงมีนิสัยบางอย่างคล้ายพ่อแม่/คนที่เลี้ยงดูเรามา แม้ว่านิสัยนั้นจะเป็นสิ่งที่เราไม่ปรารถนาก็ตาม และเป็นเหตุผลเดียวกับที่นักจิตวิทยา พยายามเตือนพ่อแม่ไม่ให้ปล่อยให้ลูกเล็กๆ อยู่กับวีดีโอเกมที่ใช้ความรุนแรงมากเกินไป 

     เวลาที่ผมถามคนทั่วไปว่าชอบคู่ครอง/คนรักแบบไหน คำตอบที่ได้ยินบ่อยที่สุดก็คือ “ชอบคนดี” แต่น่าแปลกที่คนเหล่านั้นกลับไปมองหาคนดีในสถานที่เที่ยวกลางคืน แต่สิ่งหนึ่งที่เราควรจะรู้คือ โอกาสที่เราจะได้เจอคนดีในสถานที่ที่ดีย่อมมีมากกว่าไม่ใช่หรือครับ 

     สถานที่และบุคคลที่เราไปและใช้เวลาด้วย จะมีผลกับวิธีคิดและการใช้ชีวิตของเรานั่นเอง เมื่อเป็นเช่นนั้น คนที่ใช้เวลากับพระเจ้าผู้ประเสริฐ ก็น่าจะเป็นคนที่น่าปรารถนามากที่สุดไม่ใช่หรือครับ 

     เพราะพระเจ้าทรงเป็นความรัก ทรงอดทนนาน ทรงพร้อมให้อภัยอยู่เสมอ ในยามที่เราต้องการคนรับฟัง พระองค์ทรงเป็นที่ปรึกษามหัศจรรย์ ฯลฯ หนุ่มสาวที่รักทุกท่านครับ พระลักษณะของพระเจ้าเหล่านี้ ไม่ใช่สิ่งที่คุณกำลังตามหาในตัวของคู่ชีวิตในอนาคตของคุณหรอกหรือครับ??

     ผมเคยถามผู้หญิงคริสเตียนหน้าตาดีคนหนึ่งว่า “เพราะอะไรถึงยังไม่มีแฟน” เธอตอบว่า “พี่รู้มั้ย ผู้ชายดีๆ มันหายาก ยิ่งผู้ชายคริสเตียนดีๆ ยิ่งยากเข้าไปใหญ่” ปรากฏว่าคนที่ฟังอยู่ด้วยกัน 10 กว่าคนหัวเราะกันครืน แต่ผมฟังแล้วตลกไม่ออก

     เชื่อผมเถอะครับว่า ถ้าเราเป็นคริสเตียนที่ใช้เวลากับพระเจ้าอย่างสม่ำเสมอ เราจะกลายเป็นชายและหญิงที่ดีขึ้นในทุกๆ วันอย่างแน่นอน 

     ดังนั้น ชายและหญิงคริสเตียนดีๆ หาไม่ยากแน่นอนครับ แต่เราไม่ได้ออกไปหามากกว่า 

     เราคงไม่ได้คิดว่า พอตื่นเช้าขึ้นมาจะมีนกกระจาบตัวใหญ่คาบเอาห่อผ้ามาทิ้งหน้าบ้าน แล้วข้างในนั้นจะมีชาย/หญิงในฝัน แล้วก็จูงมือกันเข้าประตูวิวาห์หรอกนะครับ

     อย่างที่ผมกล่าวไว้ตั้งแต่ต้นว่า ถ้าเราไม่เข้าใกล้คนที่เราสนใจ เราก็ไม่สามารถรู้จักเขา/เธอได้ แต่ถ้าคุณอยู่ใกล้เกินไป คนๆ นั้นที่คุณรัก ก็อาจไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของคนๆ นั้น

     ดังนั้นผมอยากให้ทุกคนเตือนใจตัวเองอยู่เสมอ ที่จะมองหาความงามภายใน ที่จะสามารถรักเขาไปตลอดชีวิตของคุณ เมื่อนั้นล่ะ คุณจะพบคู่แท้ คู่พระพร 

     ขอพระเจ้าอวยพรครับ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น